คอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์มาจากภาษาละตินว่า
Computare ซึ่งหมายถึง
การนับ หรือ การคำนวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ
ทำหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทางคณิตศาสตร์"
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกถูกพัฒนาขึ้นโดยหน่วยงานวิจัยทางทหารของกองทัพบก
สหรัฐอเมริกา
ในปี ค.ศ. 1946 หรือประมาณ 66 ปีมาแล้ว
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่พัฒนาขึ้นมามีชื่อว่า ENIAC ( Electronic Numerical Integrator And Calculator
) มีความยาว 80 ฟุต
มีน้ำหนักมากถึง 30 ตัน ใช้หลอดสูญญากาศ 18,000 หลอด
หลังจากที่ได้เกิด ENIAC ขึ้นมา
เป้าหมายการพัฒนาคอมพิวเตอร์ได้กำหนดทิศทางการพัฒนาไว้ดังนี้
1. ขนาดเล็ก Small
Size มีความเร็วสูงมีความเที่ยงตรงแม่นยำในค่าคำนวณ
2. More power การทำงานของเครื่องต้องมีประสิทธิภาพสูง
มีความเสถียร การประมวลผลต้องรวดเร็ว และหน่วยความจำต้องมีมากขึ้น
3. Less Expense ต้องมีราคาถูก
และต้องถูกลงไปเรื่อยตามขนาดที่จะต้องเล็กลง
ENIAC เป็นคอมต้นแบบและเป็นยุคแรกของคอมพิวเตอร์
ใช้ หลอดสูญญากาศ
ในยุคที่
2 คอมพิวเตอร์ถูกเปลี่ยนจากหลอดสญญากาศที่มีขนาดใหญ่
มาเป็น ทรานซิสเตอร์ ที่เป็นอุปกรณ์
อิเลคทรอนิคส์ขนาดเล็ก เป็นสารกึ่งตัวนำ เซมิคอนดักเตอร์
คอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1. ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ (Supercomputers) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่ มีความเร็วสูง มีหน่วยการประมวลผลสูงสุด
หน่วยการจัดเก็บข้อมูลสูงสุด ใช้สำหรับ หน่วยงานทางทหาร หน่วยงานทางวิจัย ต่างๆ
และการพยากรณ์อากาศ การออกแบบเครื่องบินเป็นต้น
2. เมนเฟรม คอมพิวเตอร์ (Mainframe
computers) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรองลงมาจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
ใช้ในหน่วยงาน หรือองค์กรขนาดใหญ่ เช่น สายการบิน ธนาคาร บริษัทประกันภัย มหาวิทยาลัย
เป็นต้น
3. มินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computers) เป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กและประสิทธิภาพรองลงมาจาก เมนเฟรม อีกที
นำมาใช้ใน บริษัทขนาดกลาง ใช้ในระบบบัญชี หรือบางที อาจนำไปใช้ร่วมกับเมนเฟรมก็ได้
4. ไมโครคอมพิวเตอร์ ( Micro computers) เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเล้ก ส่วนบุคคล หรือ พีซี คอมพิวเตอร์ ( Personal
Computers ) PC. เป็นคอมพิวเตอรตั้งโต๊ะ หรือเป็นแบบพกพา
เคลื่อนย้ายได้สะดวก
ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
จอภาพหรือมอนิเตอร์ (Monitor)
มีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมคล้ายเครื่องรับโทรทัศน์
มีจอสำหรับแสดงผลเป็นข้อความหรือภาพ ทำให้เรามองเห็นตัวหนังสือ
และตัวเลขที่พิมพ์ลงไปหรือภาพต่างๆ ได้
หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (Control Processing Unit หรือ CPU)
เป็นส่วนที่เปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลหรือคำสั่งจากโปรแกรม ซึ่งอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลตามคำสั่งมาคิดคำนวณแล้วแสดงผลออกมาทางจอภาพ
เป็นส่วนที่เปรียบเสมือนสมองของคอมพิวเตอร์ มีหน้าที่รับข้อมูลหรือคำสั่งจากโปรแกรม ซึ่งอยู่ในหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์ จากนั้นจะรวบรวมข้อมูลตามคำสั่งมาคิดคำนวณแล้วแสดงผลออกมาทางจอภาพ
แป้นพิมพ์หรือคีย์บอร์ด (Keyboard)
เป็นแท่นมีปุ่มตัวหนังสือภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ตัวเลข สัญลักษณ์ต่างๆ เมื่อกดปุ่มใดข้อมูลที่ปุ่มนั้นจะถูกป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์
แล้วไปปรากฏบนจอภาพ
เมาส์ (Mouse)
เป็นอุปกรณ์ที่ต่อพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์
ใช้สำหรับเลื่อนตัวชี้เมาส์หรือเคอร์เซอร์หรือลูกศรที่ปรากฏบนจอภาพคอมพิวเตอร์
มักใช้คู่กับแผ่นรองเมาส์ เป็นแผ่นพลาสติกเรียบ
ใช้สำหรับรองเมาส์ให้เลื่อนไปมาได้สะดวก
เครื่องอ่านแผ่นซีดี (CD-Rom Drive)
เป็นช่องสี่เหลี่ยมสำหรับใส่แผ่นซีดีรอม
มักบรรจุอยู่ส่วนบนของกล่องซีพียูเคส (CPU Case)
เครื่องขับแผ่นซีดี แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
CD-R Drive ใช้อ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีได้อย่างเดียว
CD-RW Drive สามารถใช้อ่านและเขียนบันทึกข้อมูลลงในแผ่นซีดีได้
CD-R Drive ใช้อ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีได้อย่างเดียว
CD-RW Drive สามารถใช้อ่านและเขียนบันทึกข้อมูลลงในแผ่นซีดีได้
เป็นอุปกรณ์ทีเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
ใช้แสดงผลภาพหรือข้อความที่ปรากฏบนจอภาพ และพิมพ์ออกมาในรูปแบบของแผ่นกระดาษ
เครื่องพิมพ์ในปัจจุบันมีหลายแบบ
ซึ่งแต่ละแบบจะมีประสิทธิภาพในการใช้งานแตกต่างกัน
ลำโพง (Speaker)
เป็นอุปกรณ์ทีเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ โดยผ่านทางการ์ดเสียง
ทำหน้าที่แสดงผลสัญญาณเสียงภายในคอมพิวเตอร์ออกมาให้เราได้ยิน
ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์
จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ
ทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก
ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น
พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผล ( word processing
) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน
ดังต่อไปนี้
1. งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำ และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งทำให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้นบริษัทยังสามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชี เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย
1. งานธุรกิจ เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำ และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม นอกจากนี้งานอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่ก็ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการควบคุมการผลิต และการประกอบชิ้นส่วนของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น โรงงานประกอบรถยนต์ ซึ่งทำให้การผลิตมีคุณภาพดีขึ้นบริษัทยังสามารถรับ หรืองานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชี เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย
2.
งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข
สามารถนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในนำมาใช้ในส่วนของการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี
วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน
การเงิน สถิติ และเป็นอุปกรณ์สำหรับการตรวจรักษาโรคได้
ซึ่งจะให้ผลที่แม่นยำกว่าการตรวจด้วยวิธีเคมีแบบเดิม และให้การรักษาได้รวดเร็วขึ้น
3.
งานคมนาคมและสื่อสาร ในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวันเวลา
ที่นั่ง ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปยังทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้
ทำให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลารอ
อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ
หรือในการสื่อสารก็ใช้ควบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพื่อให้อยู่ในวงโคจร
ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อการส่งสัญญาณให้ระบบการสื่อสารมีความชัดเจน
4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม
สถาปนิกและวิศวกร สามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ
หรือ จำลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว
โดยคอมพิวเตอร์จะคำนวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง
รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ
ผลการทำงาน
5.
งานราชการ เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ
มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ , กรมสรรพากร ใช้จัดในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น
6. การศึกษา
ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน
ซึ่งมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลักษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน
ซึ่งทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนักเรียน
การเก็บข้อมูลยืมและการส่งคืนหนังสือห้องสมุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น